สิ่งสำคัญนอกจากคำศัพท์ต่าง ๆ
ทีจำเป็นต้องรู้แล้ว ไวยกรณ์ก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน
เพราะหากไม่รู้ไวยกรณ์การเรียบเรียงประโยคในการสื่อสารอาจผิดเพี้ยนไปได้
Grammar คืออะไร?
คือการนำคำต่าง ๆ มาประกอบกันเพื่อให้เป็นประโยคขึ้นมา ซึ่งแกรมม่านั้นไม่ได้มีอยู่เพียงแต่ในภาษาอังกฤษเท่านั้น จ่มีอยู่ในทุก ๆ ภาษา ซึ่งภาษาต่าง ๆ ก็มีรูปแบบ Grammar ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ในภาษาไทย เราเรียงแกรมม่าจาก ประธาน+กริยา+กรรม ดังนั้นหากเราเข้าใจแกรมม่าเราก็จะรู้ว่าประโยค “ฉันโยนบอล” และ “บอลโยนฉัน” นั้นมีความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ภาษาอังกฤษต่างจากภาษาไทยอย่างไร?
สิ่งแรกที่แตกต่างคือในภาษาไทยของเรานั้นไม่มีการใช้คำนำหน้าเมื่อเอ่ยถึงสิ่งใดก็พูดคำนามคำนั้นออกไปเลย
ไม่จำเป็นต้องมี Article อย่าง A, An,
The มาประกอบ
สองคือมีการผันกริยาตามประธาน
ดังนั้นจึงจำเป็นที่เราต้องรู้ว่าประธานในประโยคนั้นมีกี่ประเภท I,
You, We, They, He, She, It ใช้งานอย่างไร
และจะผันกริกยาตามได้อย่างไร ทำไม I ต้องตามด้วย am ทำไม You ต้องตามด้วย are ทำไม
She, He, It ต้องตามด้วย is
ไม่ต้องใส่ได้ไหม? เมื่อไหร่ที่กริยาต้องเติม s เติม es
สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีข้อกำหนดในภาษาไทย ซึ่งส่วนนี้เองที่จะทำให้เกิดการสับสน และย่อท้อต่อการเรียนภาษาอังกฤษได้
ทำไมจึงจำเป็นต้องรู้?
จากที่เราเกล่าไปข้างต้น การไม่เรียนรู้ Grammar จะส่งผลให้การสื่อสารประโยคผิดเพี้ยนไปแน่นอน ดั้งนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่อยากเรียนรู้ภาษาอังกฤษก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้แกรมม่า แต่การเรียนด้วยการท่องจำเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถการันตีได้เลยว่าสิ่งที่ท่องจำไปนั้นจะอยู่กับเราไปได้นานแค่ไหน
ดังนั้น การฝึกฝนและนำไปใช้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ยิ่งฝึกฝนมากก็จะยิ่งทำให้เราสามารถจดจำได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ๆ ที่กำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับประถมศึกษา ซึ่งการท่องจำนั้นไม่เหมาะสมแน่นอน สิ่งที่คุณครูหรือคุณพ่อคุณแม่ควรเน้นย้ำคือการฝึกนำไปใช้ Global Education Service จึงอยากแนะนำเซตหนังสือสำหรับฝึกฝนไวยกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับช่วงอายุแต่ละวัย โดยเน้นไปที่การทำแบบฝึกหัดซ้ำ ๆ เพื่อให้จดจำได้อย่างเป็นธรรมชาติ
แนะนำหนังสือฝึก Grammar สำหรับชั้นประถม
·
Grammar ป.1
สิ่งที่จำเป็นต้องรู้จักอันดับแรกคือ Pronouns หรือคำสรรพนาม สำหรับใช้เรียกแทนสิ่งต่าง ๆ ในรูปแบบประธานของประโยค กรรมของประโยค และการแสดงความเป็นเจ้าของ หนังสือเล่มนี้จะพาเด็ก ๆ ไปทำความรู้จักการใช้สรรพนามต่าง ๆ การใช้ Verb to be การใช้ Verb รูปปฏิเสธ การใช้คำนามทั้งแบบนับได้และนับไม่ได้ การเรียงประโยคแบบ Simple Tense
· Grammar ป.2
ในระดับประถมศึกษาปีที่ 2 หลังจากเรียน Verb to be ไปแล้ว เล่มนี้จะได้ฝึกฝนการใช้การแสดงความเป็นเจ้าของในรูป Apostrophe (‘) การใช้ Adjective ในการใช้เปรียบเทียบอย่าง -er, – est, more, most รวมถึง Past Tense
· 
Grammar ป.3
ระดับประถมศึกษาปีที่ 3 เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ การใช้ Must รูปปฏิเสธของ Must การใช้รูป May การใช้สรรพนามในรูปแสดงความเป็นเข้าของ การใช้ Each และ Every การใช้ Both และ All รวมไปถึงทำความรู้จักกับ Conjunction และ Adverb ต่าง ๆ
Grammar ป.4
หนังสือเล่มนี้จะสอนให้รูจ้จักกับการใช้สรรพนามแบบ 2 สิ่งซึ่งเชื่อด้วย And ความแตกต่างของ Everybody, Somebody และ Nobody ความแตกต่างของ Some, Most และ All เรียนรู้ Conjunction ในระดับที่สูงขึ้น รวมไปถึงการใช้ประโยครูป Perfect Tense
· Grammar ป.5
หลังจากได้เรียนรู้รูปประโยคแบบ Active Voice ไปแล้ว ในระดับประถมศึกษาปีที่ 5 เราจะเริ่มได้เรียนรู้วิธีใช้ประโยคแบบ Passive Voice การใช้ Adverb อย่าง Already, Just และ Yet ประโยคชักชวนที่ใช้ได้เสมออย่าง Let’s
·
Grammar ป.6
เมื่อเด็ก ๆ สามารถที่จะใช้ประโยคแบบถูกต้องได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องเรียนรู้ประโยคในรูปแบบที่สุภาพขึ้นด้วยการใช้ Would และ Cloud การใช้ Each other และ One another การใช้ Tense การใช้ Adverb เพื่อบอกความถี่
ผู้ปกครองที่สนใจหนังสือเรียนรู้และฝึกฝน
Grammar สามารถสั่งซื้อได้ที
โทร : 081-720-3906, 093-415-6956
อีเมล : global.sipatta@gmail.com
เว็บไซต์
: www.globaleducatethai.com
Facebook: https://www.facebook.com/kung.sipatta